บทที่ 6E-commerce พาณิชอิเล้กทรอนิกส์
E-Business & E-commerce
(E-Business) หมายถึง การดำเนินธุรกิจโดยอาศัยเทคโนโลยีด้านอิเล็กทรอนิกส์และอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง โดยมีการประยุกต์ใช้ในทุกกิจกรรมของธุรกิจ ทั้งกิจกรรมส่วนหน้า (Front Office) และกิจกรรมส่วนหลัง (Back Office) รวมทั้งการเชื่อมต่อกับระบบการค้ากับองค์กรภายนอกด้วย
(E-commerce) หรือ พาณิชอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง การดำเนินซื้อขสยสินค้าหรือบริการระหว่างธุรกิจ บุคคลภาครัฐ และองค์กรสาธารณะ โดยผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องติดต่อซื้อขายกันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซนึ่งครอบคลุมตั้งแต่ระดับเทคดนดลยีพื้นฐาน เช่น โทรศัพท์ โทรสาร โทรทัศน์ ไปจนถึงเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อน เช่นอิเทอร์เน็ตและสามารถทำการแลกเปลี่ยนและติดต่อในเรื่องต่างๆ เช่น การชำระเงิน การจัดส่ง ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์
โครงสร้างของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์
แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1.กิจกรรมส่วนหน้า (Front Office)
2.กิจกรรมส่วนหลัง (Back Office)
3.กิจกรรมกับองค์กรภายนอก (Extra-back Office)
ประโยชน์ของพาณิชอิเล็กทรอนิกส์
กรอบการทำงานของพาณิชอิเล็กทรอนิกส์
แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่
1. การประยุกต์ใช้ (E-commerce Application) หมายถึง ลักษณะงานที่จะนำ e-commerce มาประยุกต์ ใช้ให้เกิดความเหมาะสมกับธุรกิจ
2. โครงสร้างพื้นฐาน (E-commerce Infrastructure) หมายถึง องค์ประกอบหลักสำคัญด้านเทคโนโลยีพื้นฐานที่จะทำให้ระบบพาณิชอิเล็กทรอนิกส์ทำงานได้ต่อไป
3. การสนับสนุน (E-commerce Supporting) เป็นส่วนที่คอยทำหน้าที่ช่วยเหลือและสนับสนุนส่วนของการประยุกต์ใช้ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. การจัดการ (E-commerce Management) หมายถึง การวิเคราะห์ถึงองค์ประกอบของแบบจำลองทางธุรกิจ เพื่อกำหนดรูปแบบของธุรกิจพาณิชอิเล็กทรอนิกส์ที่คาดว่าจะสร้างผลกำไรให้กับองค์กรได้เหนือคู่แข่งขัน
รูปแบบการทำธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ได้แบ่งรูปแบบการทำธุรกรรมพาณิชอิเล็กทรอนิกส์ ออกเป็น 3 มิติ ได้แก่
- ด้านผลิตภัณฑ์ (product)
- กระบวนการ (process)
- ตัวแทนการส่งมอบสินค้า (agent)
อาจแบ่งรูปแบบการทำธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ออกเป็น 2 ลักษณะดังนี้
1.พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบเต็มรูปแบบ
2.พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบบางส่วน
โมเดลทางธุรกิจ EC
แบ่งเป็น 3 แบบดังนี้
1.บริคแอนด์มอร์ต้า (Brick and Mortar ) หมายถึง ธุรกิจที่มีอาคารสถานที่เป็นอิฐและปูนประกอบการค้าขาย แบบ "Off-line" คือไม่ได้ขายสินค้าหรือบริการผ่านอินเทอร์เน็ต
2. บริคแอนด์คลิ้ก (Brick and Click) หมายถึง ธุรกิจที่มีอาคารสถานที่เป็นอิฐและปูน ซั่งเดิมเป็นรูปแบบธุรกิจบริคแอนด์มอร์ต้า แต่ต่อมาขยายธุรกิจที่ให้บริการบนอินเทอร์เน็ตด้วยทจึงทำทั้งแบบออฟไลน์และ
ออนไลน์ เนื่องจากต้องการผสมผสานความได้เปรียบทางการแข่งขันมาจากธุรกิจทั้งทางด้านความชำนาญ ฐานข้อมูลและสายสัมพันธ์ มาจากธุรกิจเดิมที่ดำเนินงานอยู่ เช่น www.amazon.com, www.sanook.com,www.ToHome.com
ประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
1. กลุ่มธุรกิจที่ค้ากำไร (Profit) แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ
- Business-to-Consumer (B2C) เป็นธุรกรรมที่กระทำระหว่างผู้ประกอบการกับผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งเป็นการค้าขายแบบขายปลีก ที่มีทั้งการสั่งซื้อสินค้าจำนวนไม่มากและมูลค่าการซื้อขายไม่สูงมากนัก เช่น www.tohome.com, www.misslily.com, www.yahoo.com, www.amazon.com
- Business-to-Business (B2B) เป็นธุรกรรมที่กระทำระหว่างธุรกิจด้วยกันเอง ส่วนใหญ่จะมีการสั่งซื้อสินค้าในปริมาณมากและมีมูลค่าการซื้อขายแต่ละครั้งจำนวนสูง ได้แก่ การสั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตเป็นต้น เช่น www.FoodMarketExchange.com, Cisco.com, Intel.com
- Consumer-to-Business (C2B) เป็นการทำธุรกรรมการค้าระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบการ เช่น www.voxcap.com, www.thaitambon.com
- Consumer-toConsumer (C2C) เป็นการทำธุรกรรมระหว่างบุคคลกับบุคคลที่เป็นกลุ่มผู้ซื้อ/ลูกค้าหรือผู้ใช้ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่ไม่ใช่รูปแยยของร้านค้า เช่น www.ThaiSeconHand.com, www.E-bay.com
2.กลุ่มธุรกิจที่ไม่ค้ากำไร (Non-Profit) แบ่งเป็น
- Business-to-Government (B2G) เป็นธุรกรรมระหว่างธุรกิจกับภาครัฐ
- Government-to-Citizent (G2C) เป็นการทำธุรกรรมภาครัฐกับประชาชนโดยไม่ค้ากำไร
- Business-to-Employees(B2E) เป็นการทำธุรกรรมภายในองค์กรกับพนักงาน
- Exchange-to-Exchange (E2E) เป็นการทำธุรกรรมโดยอาศัย E-commerce เป็นช่องทางสำหรับแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการระหว่างกัน
- Intrabusiness EC เป็นการทำธุรกรรมที่อาศัยระบบเครือข่ายอินทราเน็ต สำหรับสื่อกลางในการติดต่อซื้อขายแลกเปลี่ยสินค้า บริการ และสารสนเทศ
- Collaborative Commerce (C-Commerce) เป็นการทำธุรกรรมระหว่างผู้ร่วมค้าทางธุรกิจ ที่ต้องปฏิสัมพันธ์ร่วมกันภายในห่วงโซ่อุปทาน
ประเภทของสินค้าและบริการ
แบ่งประเภทของสินค้าและบริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ตามความหมายขององค์การค้าโลก (World Trade Organization :WTO)
1. สินค้าที่จับต้องได้ (Tangible Goods)
2. สินค้าที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Goods) หรือสินค้าดิจิทัล (Digital goods)
3. กลุ่มสินค้าบริการ (Services)
4. Mobile Commerce (M-Commerce)
5. Social Conmmerce (S-Commerce)
6. Nonbusiness E-Commerce
ประเภทของเว็บไซต์ EC
1. เว็บไซต์แคตตาล็อกสินค้าออนไลน์ (Online Catalog Web Site) เป็นเว็บไซต์ในรูปแบบของการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้า เช่น www.Tarad.com2. ร้านค้าออนไลน์ (E-shop Web Site) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ที่มีความสมบูรณ์แบบโดยมีทั้งระบบการจัดการสิน้า ระบบตระกร้าสินค้า ระบบการชำระเงิน ระบบการขนส่ง ผู้ซื้อสามารถทำการสั่งซื้อสินค้า และชำระเงินผ่านเว็บไซต์ทันที เช่น www.Thaigem.com
3. การประมูลสินค้า (Auction) เป็นเว็บไซต์ในรูปแบบของการนำเสนอการประมูลสินค้า โดยเป็นการแข่งขันเสนอราคาระหว่างผู้ต้องการประมูล และขายห้กับผู้ให้ราคาสงสุด เช่น www.Ebay.com
4. การประกาศซื้อขาย (E-classified) เป็นเว็บไซต์ในรูปแบบของการเปิดโอกาสให้ผู้สนใจประกาศความต้องการขายสินค้าของตนได้ภายในเว็บไซต์ เช่น www.Panthipmaket.com
5. ตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ (E-maketplace) เป็นเว็บไซต์ในรูปแบบของตลาดนัดขนาดใหญ่ โดยมีการรวบรวมเว็บไซต์ของร้านค้าต่างๆ และจัดแบ่งเป็นหมวดหมู่ เช่น www.Talad.com
ตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์
ตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Electronic Maketing : E-maketing หมายถึง การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดโดยใ้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือในการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดกลับกลุ่มเป้าหมาย เป็นกิจกรรมที่เป็นการสื่อสาร 2 ทาง และเป็นกิจกรรมที่นักการตลาดสามารถติดต่อกับผู้บริโภคได้ทั่วโลกหลักการตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
หลักตลาดของธุรกิจทั่วไปจะมีการนำหลัก 4p มาใช้คือ1.Product
2.Price
3.place
4.Promotion
ขั้นตอนการทำธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
2.การทำธุรกรรม (Transaction)
3.การทำคำสั่งซื้อ (Ordering)
4.การชำระเงิน (Payment)
5.การจัดส่ง (Delivery)
ลักษณะการใช้งานระบบตระกร้าสินค้า

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น