ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการสมัยใหม่ (Modern Management information System): กันยายน 2018

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561

บทที่ 3
เทคโนโลยีสารสนเทศ
ความหมายของสารสนเทศ
          คือการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม เพื่อจัดเก็บ ค้นหา ส่งผ่าน และจัดดำเนินการข้อข้อมูล ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับธุรกิจหนึ่งหรือองค์การอื่น ๆ ศัพท์นี้โดยปกติก็ใช้แทนความหมายของเครื่องคอมพิวเตอร์และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และยังรวมไปถึงเทคโนโลยีการกระจายสารสนเทศอย่างอื่นด้วย เช่นโทรทัศน์และโทรศัพท์ อุตสาหกรรมหลายอย่างเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ตัวอย่างเช่น ฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ อินเตอร์เน็ต  อุปกรณฺ์โทรคมนาคม การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์  และบริการทางคอมพิวเตอร์ 
-แพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ใช้เพื่อให้บริการคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อพนักงานลูกค้าและซัพพลายเออร์เข้ากับสภาพแวดล้อมระบบดิจิตอลแบบต่างๆรวมถึงเมนเฟรมขนาดใหญ่คอมพิวเตอร์ขนาดกลางคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปและแล็ปท็อปรวมทั้งบริการคอมพิวเตอร์เมฆแบบใช้มือถือและแบบรีโมตแบบพกพาซอฟต์แวร์แอพพลิเคชัน
-การให้บริการซอฟต์แวร์แอพพลิเคชันรวมถึงบริการซอฟต์แวร์แบบออนไลน์ซึ่งจะให้ความสามารถในระดับองค์กรเช่นการวางแผนทรัพยากรขององค์กรการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าการจัดการห่วงโซ่อุปทานและระบบการจัดการความรู้ที่ทุกหน่วยงานใช้ร่วมกัน
-โทรคมนาคม บริการโทรคมนาคมที่ให้ข้อมูลเสียงและวิดีโอเชื่อมต่อกับพนักงานลูกค้าและซัพพลายเออร์
-การจัดการข้อมูล  บริการจัดการข้อมูลที่เก็บและจัดการข้อมูลขององค์กรและให้ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล

connection between the firm it infrastructure and business capabilities


         บริการที่สามารถให้บริการแก่ลูกค้าซัพพลายเออร์และพนักงานเป็นหน้าที่โดยตรงของโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีโครงสร้างพื้นฐานนี้ควรสนับสนุนกลยุทธ์ทางธุรกิจและระบบสารสนเทศของ บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ ๆ มีผลกระทบอย่างมากต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจและไอทีตลอดจนบริการที่สามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้
วิวัฒนาการด้านไอที
1. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ทั่วไปและยุคมิคคอมพิวเตอร์  
       คือ คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้ในองค์กรเพื่อประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก เช่น สำมะโนประชากร สถิติผู้บริโภค การบริหารทรัพยากรขององค์กร    
            ระบบคอมพิวเตอร์ของเครื่องเมนเฟรมมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะรองรับผู้ใช้ได้หลายร้อยคนพร้อม ๆ กันซึ่งผู้ใช้เหล่านั้นอาจจะนั่งทำงานอยู่ใกล้เครื่องเมนเฟรมหรืออาจจะอยู่ที่อื่นซึ่งไกลออกไปก็ได้เครื่องเมนเฟรมจะเก็บโปรแกรมของผู้ใช้เหล่านั้นไว้ในหน่วยความจำหลักและมีการสับเปลี่ยนหรือสวิทซ์การทำงานระหว่างโปรแกรมต่างๆ เหล่านั้นอย่างรวดเร็วโดยที่ผู้ใช้จะไม่รู้สึกเลยว่ามีการสับเปลี่ยนการทำงานไปทำงานของคนอื่นอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากคอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วกว่ามนุษย์มากหลักการที่เครื่องเมนเฟรมสามารถทำงานหลายโปรแกรมพร้อมๆกันนั้น เรียกว่า "มัลติโปรแกรมมิง" (multiprogramming)
2.ยุคคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
            เครื่องพีซีอาจเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ประจำบ้าน (home computer) หรืออาจพบใช้ในงานสำนักงานที่มักจะเชื่อมต่อกันเป็นระบบเครือข่ายท้องถิ่น (local area network) ลักษณะเด่นจะเป็นเครื่องที่ถูกใช้งานโดยคนเพียงคนเดียว ซึ่งต่างจากระบบประมวลผลแบบ batch processing หรือ time-sharing ที่มีความซับซ้อน ราคาแพง มีการใช้งานจากคนหมู่มากพร้อม ๆ กัน หรือระบบประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ที่ต้องการทีมทำงานเต็มเวลาคอยควบคุมการทำงาน

ผู้ใช้ "PC" ในยุคแรกต้องเขียนโปรแกรมขึ้นใช้งานเอง แต่มาในปัจจุบัน ผู้ใช้มีโปรแกรมให้เลือกใช้ที่หลากหลายทั้งแบบที่ซื้อขายเชิงพาณิชย์และไม่เชิงพาณิชย์ ซึ่งล้วนแล้วแต่ติดตั้งได้ง่าย
คำว่า "คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล" เริ่มมีใช้ตั้งแต่ พ.ศ.2515 (ค.ศ. 1972) สำหรับกล่าวถึงเครื่อง Xerox PARC ของบริษัท Xerox Alto อย่างไรก็ตามจากความประสบความสำเร็จของไอบีเอ็มพีซี ทำให้การใช้คำว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหมายถึง เครื่องไอบีเอ็มพีซี
3.ยุคของเซิร์ฟเวอร์ไคลเอ็นต์  
ในคอมพิวเตอร์ไคลเอ็นต์ / เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปหรือแล็ปท็อปที่เรียกว่าไคลเอ็นต์เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการและความสามารถแก่ลูกค้าการประมวลผลคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นสองประเภทนี้ไคลเอ็นต์เป็นจุดเข้าใช้งานโดยที่เซิร์ฟเวอร์มักจะประมวลผลและเก็บข้อมูลที่ใช้ร่วมกันทำหน้าที่เว็บเพจหรือจัดการกิจกรรมบนเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ระยะหมายถึงทั้งแอพพลิเคชันซอฟต์แวร์และคอมพิวเตอร์ทางกายภาพที่
4.Enterprise Computing Era
     เทคโนโลยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเทคโนโลยี Transmission Control Protocol / Internet Protocol (TCP / IP) ช่วยให้องค์กรต่างๆสามารถเชื่อมโยงอุปกรณ์และเครือข่ายท้องถิ่น (LANs) ที่แตกต่างกันไปสู่เครือข่ายองค์กรเดียวได้    สภาพแวดล้อมการประมวลผลแบบบูรณาการช่วยให้การรวบรวมและการกระจายข้อมูลได้รวดเร็วและราบรื่นมากขึ้น
5.คลาวด์และยุคคอมพิวเตอร์มือถือ
      คือบริการที่ครอบคลุมถึงการให้ใช้กำลังประมวลผล  หน่วยจัดเก็บข้อมูล  และระบบออนไลน์ต่างๆจากผู้ให้บริการ เพื่อให้ลดความยุ่งยากในการติดตั้ง ดูแลระบบ ช่วยประหยัดเวลา และลดต้นทุน ในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเองซึ่งก็มีทั้งแบบบริการฟรีและแบบเก็บเงิน
วิวัฒนาการของผู้ใช้เทคโนโลยี
 1. กฎหมายของมัวร์และกำลังประมวลผลของไมโครโพรเซสเซอร์ มัวร์ลดอัตราการเติบโตลงเป็นสองเท่าทุก ๆ สองปี
•กฎหมายฉบับนี้จะถูกตีความในหลาย ๆ ด้าน
(1) พลังของไมโครโพรเซสเซอร์จะเพิ่มขึ้นทุกๆ 18 เดือน
(2) กำลังการใช้คอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุก 18 เดือน
(3) ราคาของคอมพิวเตอร์ลดลงครึ่งหนึ่งทุก 18 เดือนดิจิทัล

2. กฎหมายว่าด้วยการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลแบบดิจิทัล
   จำนวนข้อมูลดิจิทัลมีการเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุก ๆ ปีโชคดีที่ค่าจัดเก็บข้อมูลดิจิตัลลดลงในอัตราร้อยละ 100 ต่อปี
3. กฎหมายและเครือข่ายเศรษฐศาสตร์
   Robert Metcalfe ผู้ประดิษฐ์เทคโนโลยีเครือข่ายอีเธอร์เน็ตในพื้นที่ - อ้างว่าปีพ. ศ. 2513 ว่าค่าหรือพลังของเครือข่ายเพิ่มขึ้นอย่างมากตามจำนวนของเครือข่าย membe •เนื่องจากจำนวนสมาชิกในเครือข่ายเพิ่มขึ้นเป็นเส้นตรงค่าของทั้งเครือข่าย ระบบเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในฐานะสมาชิกที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
4. ค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารและอินเทอร์เน็ต
  ลดลงอย่างรวดเร็วในค่าใช้จ่ายในการสื่อสารและการเจริญเติบโตชี้แจงในขนาดของอินเทอร์เน็ต
เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารลดลงเป็นจำนวนมากและใช้วิธีการต่างๆ
5. มาตรฐานและผลกระทบทางเครือข่าย
   มาตรฐานเทคโนโลยีเป็นข้อกำหนดที่กำหนดความเข้ากันได้ของผลิตภัณฑ์และความสามารถในการสื่อสารในเครือข่าย
•มาตรฐานด้านเทคโนโลยีช่วยปลดปล่อยความประหยัดจากขนาดและส่งผลให้ราคาลดลงเนื่องจากผู้ผลิตมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นตามมาตรฐานเดียว
ส่วนประกอบของโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที  ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 7 ส่วน
1. แพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์
 2. แพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการ
 3. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ขององค์กร
4. การจัดการข้อมูลและที่เก็บข้อมูล
5. แพลตฟอร์มระบบเครือข่าย / ระบบโทรคมนาคม•
6. แพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ต
7.การให้คำปรึกษาและบริการการรวมระบบ
ดิจิตอลแพลตฟอร์ม
     สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตกลายเป็นวิธีสำคัญในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอุปกรณ์เหล่านี้มีการใช้งานมากขึ้นสำหรับการประมวลผลทางธุรกิจรวมทั้งแอพพลิเคชันสำหรับผู้บริโภค 
การบริโภคสินค้าไอที
   ความนิยมใช้งานง่ายและหลากหลายแอพพลิเคชั่นที่มีประโยชน์สำหรับสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตได้ก่อให้เกิดความสนใจในการให้พนักงานใช้โทรศัพท์มือถือส่วนบุคคลในที่ทำงานซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่นิยมเรียกกันว่า "นำอุปกรณ์ของคุณมาเอง" (BYOD) แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของ ไอทีประกอบด้วยอุปกรณ์ส่วนตัวสำหรับมือถือไม่ใช่เฉพาะ แต่ยังรวมถึงการใช้บริการซอฟต์แวร์ทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในตลาดผู้บริโภคเช่น Google และ Yahoo Search, Gmail, Google Apps, Dropbox
คอมพิวเตอร์เชิงควอนตัม
การคำนวณด้วยควอนตัมเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลคอมพิวเตอร์อย่างมากเพื่อหาคำตอบสำหรับปัญหาที่ต้องใช้เวลาหลายปีในการแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ทั่วไป    การคำนวณด้วยควอนตัมใช้หลักการของฟิสิกส์ควอนตัมเพื่อแสดงข้อมูลและดำเนินการกับข้อมูลเหล่านี้คอมพิวเตอร์ควอนตัมจะได้รับพลังการประมวลผลมหาศาลผ่านความสามารถในการที่จะอยู่ในสถานะที่แตกต่างกันหลายแห่งพร้อมกันทำให้สามารถดำเนินการได้หลายอย่างพร้อมกันและแก้ปัญหาบางอย่าง
VIRTUALIZATION 
    คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถใช้ Resource เช่น ซีพียู หน่วยความจำ ฮาร์ดดิส ของคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องหรือมากกว่านั้นให้สามารถรันซอฟแวร์ หรือแอพพลิเคชั่น ในปริมาณมากๆ หรือแม้แต่รันระบบปฏิบัติการหลายๆตัว ให้สามารถทำงานพร้อมๆกัน  ถึงแม้จะต่างแพลตฟอร์ม
การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ
   เป็นลักษณะของการทำงานของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ผ่านอินเตอร์เน็ต ที่ให้บริการใดบริการหนึ่งกับผู้ใช้ โดยผู้ให้บริการจะแบ่งปันทรัพยากรให้กับผู้ต้องการใช้งานนั้น การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ เป็นลักษณะที่พัฒนาขึ้นต่อมาจากความคิดและบริการของเวอร์ชั่นชัวไลเซชันและเว็บเซอร์วิซโดยผู้ใช้งานนั้นไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในเชิงเทคนิคสำหรับตัวพื้นฐานการทำงานนั้น 

เทคโนโลยีสีเขียว 
      คือ แนวคิดในการบริหารจัดการ และเลือกใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการการใช้พลังงาน ลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการสร้างขยะ รวมถึงการนำขยะอิเลคทรอนิคส์มารีไซเคิลใหม่อีกด้วย ซึ่งเป้าหมายสูงสุดคือ อุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ หรือขยะอิเลคทรอนิคส์ต้องถูกนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด และไม่มีส่วนประกอบที่ทำจากสารพิษ อุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ต้องใช้พลังงานน้อยลง
 เครื่องประมวลผลสมรรถนะสูงและประหยัดพลังงาน 

     โปรเซสเซอร์แบบมัลติคอร์เป็นวงจรรวมที่มีแกนประมวลผลตั้งแต่สองตัวขึ้นไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานลดการใช้พลังงานและการประมวลผลงานหลายอย่างพร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้สองคนหรือมากกว่าเครื่องประมวลผลที่มีความต้องการพลังงานที่ลดลงและการกระจายความร้อนเพื่อดำเนินการได้เร็วกว่าชิปทรัพยากรที่หิวกับแกนประมวลผลเดียว คุณจะพบกับพีซีที่มีโปรเซสเซอร์หลักและโปรเซสเซอร์แบบ dual-core, quad-core, 6-core และ 8 คอร์และโปรเซสเซอร์ 16 คอร์ 
ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
1.) ส่วนรับข้อมูล (Input Unit)   เป็น ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลจากคน และส่งต่อข้อมูลไปยัง หน่วยประมวลผล(Process Unit) เพื่อทำการประมวลผลต่อไป รูปแบบการส่งข้อมูลจากอุปกรณ์รับข้อมูลจะอยู่ในรูปของการส่งสัญญาณเป็นรหัสดิจิตอล (หรือเป็นเลข 0 กับ 1) นั่นเอง อุปกรณ์ส่วนรับข้อมูล ได้แก่ 
      - คีย์บอร์ด (keyboard)

    - เมาส์ (mouse)

    - สแกนเนอร์ (scanner)

    - อุปกรณ์สแกนลายนิ้วมือ (finger scan)

   
    - ไมโครโฟน(microphone)

    - กล้องเว็บแคม (webcam)

   2. ส่วนประมวลผลข้อมูล (Central Processing Unit) เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลที่รับมาจาก ส่วนรับข้อมูล(Input Unit) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังทำหน้าที่ในการควบคุมการทำงานต่างๆ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ 

   3. หน่วยแสดงผล (Output Unit) เป็นหน่วยที่แสดงผลลัพธ์ที่มาจากการประมวลผลข้อมูล ของส่วนประมวลผลข้อมูล โดยปกติรูปแบบของการแสดงผล มีอยู่ 2 แบบ ด้วยกันคือ แบบที่สามารถเก็บไว้ดูภายหลังได้ และแบบที่ไม่มีสำเนาเก็บไว้

    - แบบที่สามารถเก็บไว้ดูภายหลังได้ เช่น เครื่องพิมพ์ (Printer) และ เครื่องพิมพ์ (Printer 

เครื่องพิมพ์ (Printer

- แบบที่ไม่มีสำเนาเก็บไว้ เช่น จอภาพ(Monitor) , เครื่องฉายภาพ(LCD Projector) และ ลำโพง (Speaker)
จอภาพ(Monitor)

4.หน่วยความจำ (Memory Unit) อุปกรณ์เก็บสถานะข้อมูลและชุดคำสั่ง เพื่อการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ แบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ หน่วยความจำชั่วคราวและหน่วยความจำถาวร
      - หน่วยความจำชั่วคราว คือ แรม (RAM: Random Access Memory)เป็นหน่วยความจำที่ใช้ขณะคอมพิวเตอร์ทำงาน ข้อมูลและชุดคำสั่งจะหายไปทุกครั้งที่เราปิดเครื่อง 
แรม (RAM: Random Access Memory)

      - หน่วยความจำถาวรหรือ หน่วยความจำหลัก ได้แก่
ฮาร์ดดิสก์ Hard Disk ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล และ รอม (ROM: Read Only Memory) ที่ใช้ในการเก็บค่าไบออส หน่วยความจำถาวรจะใช้ในการเก็บข้อมูลของเครื่องคอมพิวเตอร์และจะไม่สูญหายเมื่อปิดเครื่อง 
ฮาร์ดดิสก์ Hard Disk









วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2561

บทที่ 2 องค์กร การจัดการ การตัดสินใจ




บทที่ 2
องค์กร  การจัดการ และการตัดสินใจ

ความหมายขององค์กร (Organization)
                  คือ การนำอาส่วนต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกันมารวมกันอย่างมีระบบ หรือเป็นการรวมกลุ่มกันอย่างมีเหตุผลของบุคคลกลุ่มหนึ่ง เพื่อเป็นศูนย์อำนวยให้การดำเนินงานลุล่วงไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยมีการใช้อำนาจการบริหารที่ชัดเจนมีการแบ่งงานและหน้าที่ลำดับขั้นตอนของการบังคับบัญชา และความรับผิดชอบ
ลักษณะขององค์กร
องค์กรแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะได้แก่
                  1.องค์กรทางสังคม เป็นองค์กรที่มีวัตถุประสงค์ในการทำงานเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับสมาชิกในสังคม เช่น ครอบครัวโรงเรียน และกลุ่มกิจกรรมสาธารณะต่างๆ
                  2.องค์กรส่วนราชการ เป็นหน่วงยงาน ทำให้เกิดนโยบายสาธารณะและงานบริการแก่ประชาชน
                  3.องค์กรเอกชน เป็นองคืกรที่ดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า ได้รับผลตอบแทนจากผลกำไรที่เกิดจากการทำธุรกิจ

ประเภทขององค์กร
                  ในการประกอบธุรกิจ ผู้ประกอบธุรกิจต้องตัดสินใจเลือกรูปแบบการดำเนินธุรกิจของตนว่าจะดำเนินงานในรูปแบบองค์กรธุรกิจประเภทใด ซึ่งองค์กรธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ในประเทศไทยมีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีวิธีดำเนินงานผลดีและผลเสียที่แตกต่างกัน จำแนกตามลักษณะเจ้าของธุรกิจได้  6 รูปแบบดังนี้
                  1.กิจการเจ้าของคนเดียว (Single Propricetorshop)
                  กิจการเจ้าของคนเดียว คือกิจการที่มีบุคคลคนเดียวเป็นเจ้าของหรือลงทุนคนเดียว  ควบคุมการดำเนินงานเองทั้งหมดคนเดียว  ตัวอย่างกิจการประเภทนี้ เช่น ร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง ร้านเสริมสวย การทำไร่ การทำนา แผงลอย1.กิจการเจ้าของคนเดียว
                  2.กิจการห้างหุ้นส่วน(Partnership)
                  กิจการห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ กิจการที่มีบุคคลั้งแต่ 2 คนขึ้นไปร่วมกันลงทุนและดำเนินกิจการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งผลกำไรที่ได้จากการดำเนินงาน ซึ่งธุรกิจประเภทนี้สืบต่อมาจากธุรกิจเจ้าของคนเดียว
                  3.กิจการบริษัทจำกัด (Limited Company)
                  บริษัทจำกัด คือ บริษัทประเภทซึ่งตั้งขึ้นด้วยการแบ่งทุนเป็นหุ้นมีมูลค่าหุ้นเท่าๆกัน โดยผู้ถือหุ้นต่างรับผิดจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าหุ้นที่ตนถือ
                  4.    กิจการสหกรณ์ (Co-operative Society)
                  สหกรณ์ คือธุรกิจรูปแบบหนึ่งที่จัดตั้งและดำเนินการโดยกลุ่มบุคคลที่มีความประสงค์อย่างเดียวกันร่วมกันจัดตั้ง ลงทุน ดำเนินการและเป็นเจ้าของร่วมกันด้วยความสมัครใจ
                  5.กิจการแฟรนไชส์ (Franchise)
                  กิจการแฟรนไชส์ อาจเรียกอีกอย่างว่า ธุรกิจสัมปทาน คือ ธุรกิจที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล 2 กลุ่มขึ้นไปหรือมากกว่า ซึ่งมีบทบาทและหน้าที่รับผิดชอบต่างกัน แต่จะส่งเสริมซึ่งกันและกันในระบบธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์จะกระจายสินค้าหรือบริการ
                 
6.กิจการรัฐวิสาหกิจ (State Enterprise)
                  กิจการรัฐวิสาหกิจ หมายถึง องค์กรของรัฐบาล หน่วยงานธุรกิจที่รัฐบาลเป็นเจ้าของหรือบริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานธุรกิจของรัฐบาลมีทุนรวมอยู่ด้วย เกินกว่าร้อยละ 50 มีการบริหารงานอยู่ระหว่างระบบราชการและระบบธุรกิจ
โครงสร้างองค์กร (Organization Structure)
                  หมายถึง ระบบการติดต่อสื่อสาร และอำนาจบังคับบัญชาที่เชื่อมต่อคน และกลุ่มคนเข้าด้วยกัน เพื่อทำงานร่วมกันจนบรรลุเป้าหมายขององค์กร
                  ประกอบด้วยดังนี้
1.      วัตถุประสงค์  (Objective)
2.      ภาระหน้าที่ (Function)
3.      การแบ่งงารกันทำ(Division of work)
4.      การบังคับบัญชา(Hierarchy)
5.      ช่วงของการควบคุม(Span of Control)
6.      เอกภาพการบังคับบัญชา(Unity of Command)
รูปแบบขององค์การ
                  รูปแบบที่เป็นทางการ เป็นองค์กรที่มีการรวมตัวกันของกลุ่ม อย่างมีระบบแบบแผน ชัดเจน ครอบคลุมทุกส่วนของการปฏิบัติงาน เพื่อบรรลุประสงค์
                  รูปแบบที่ไม่เป็นทางการ เป็นองค์การที่มีการรวมตัวกันของกลุ่ม อย่างไม่มีระบบของการบริหารไม่กฏเกณฑ์ ไม่มีระเบียบข้อบังคับการปฏิบัติงาน

คุณสมบัติขององค์กร
       องค์กรสมัยใหม่ท้งหมดสามารถเห็นได้ว่า เป็นระบบราชการที่มีลักษณะสำคัญบางประการได้แก่ การแบ่งแยกแรงงานอย่างชัดเจน ลำดับขั้น กฏและขั้นตอนที่ชัดเจน กรตัดสินที่เป็นกลางการมีคุณสมบัติทางเทคนิคสำหรับตำแหน่งและประสิทธิภาพขององค์กรสูงสุด นอกจากนี้ทุกองค์กรมีการพัฒนากิจวัตรและกระบวนการทางธุรกิจ การเมือง และวัฒนธรรม
 กระบวนการทางธุรกิจ 
คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลประจำตัวหรือขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตราฐาน (SOP) ซึ่งจะช่วยให้บริษัทนั้นมีประสิทธิภาพ
วัฒนธรรมองค์กร
      วัฒนธรรมองค์กร หมายถึง สิ่งต่างๆ อันประกอบด้วยสิ่งประดิษฐ์ แบบแผนพฤติกรรม บรรทัดฐาน ความเชื่อ ค่านิยม อุดมการณ์ ความเข้าใจและข้อสมมุติพื้นฐานของคนจำนวนหนึ่งหรือส่วนใหญ่ภายในองค์กร

สภาพแวดล้อมขององค์กร
            หมายถึง สิ่งต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กรและในทางกลับกันก็สามารถได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของธุรกิจ สภาพแวดล้อมแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท
1.สภาพแวดล้อมภายใน (Internal Environment) เป็นแรงผลักดันภายในธุรกิจที่มีอิทธิพลต่อการจัดการและดำเนินงานของธุรกิจ ซึ่ง ธุรกิจสามารถควบคุมและจัดการสภาพแวดล้อมลักษณะนี้ให้เป็นไปตามแนวทางที่ต้องการได้ ซึ่งในการจัดการผู้บริหารต้องทำการศึกษาปัจจัยเหล่านี้เพื่อประเมินจุดแข็ง (strengths) และจุดอ่อน (weakness) ขององค์การ
2.สภาพแวดล้อมภายนอก (External Environment) เป็นปัจจัยภายนอกที่ธุรกิจไม่สามารถดำเนินการควบคุมให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถกำหนดขอบเขตได้อย่างชัดเจนดังนั้นสภาพแวดล้อมภายนอกของธุรกิจจึงได้แก่องค์ประกอบทั้งหมดที่อยู่ ภายนอกธุรกิจซึ่งส่งผลต่อการดำเนินงานส่วนหนึ่งส่วนใด หรือ ทั้งหมดของธุรกิจเป็นพลังผลักดันจากภายนอกองค์การที่มีอิทธิพลต่อความสามารถในการบรรลุเป้ าหมายขององค์การ ซึ่งพลังเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและก่อให้เกิดทั้งที่เป็นโอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Threats) ต่อการดำเนินงานขององค์การ
องค์กรและระบบข้อมูล
    องค์กรและระบบข้อมูลมีอิทธิพลซึ่งกัยนและกัน ความต้องการข้อมูลขององค์กรส่งผลต่อการออกแบบระบบข้อมูล และองค์กรต้องเปิดกว้างต่ออิทธิพลของระบบสารสนเทศ เพื่อให้ได้รับประโบชน์อย่างเต็มที่จากเทคโนโลยีใหม่ๆ สภาพพแวดล้อมวัฒนธรรม โครงสร้างขั้นตอนการปฏิบัติงาน มาตราฐานการตัดสินใจทางการเมืองและการบริหารจัดการ เป็นปัจจัยทางการสื่อสารที่มีอิทธิพลต่อการปฏิสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีสารสนเทศกับองค์กร

  • ระบบสารสนเทศในองค์กร
ผลกระทบของระบบสารสนเทศเกี่ยวข้องกับองค์กร
ระบบสารสนเทศมีผลกระทบต่อกระบวนการทำงานและโครงสร้างขององค์การดังนี้
      1.ลดระดับชั้นของการจัดการ
      2.มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน
      3.เปลี่ยนแปลงกระบวนการจัดการ
  4.กำหนดขอบเขตการดำเนินงานใหม่
เศรษฐศาสตร์จุลภาคทางเทคนิคขององค์กร
       ความหมายทางเศรษฐศาสตร์จุลภาคทางเทคนิคขององค์กร ทุนและแรงงานเป็นปัจจัยการผลิตหลักในการให้บริการ โดยสภาพแวดล้อมจะเปลี่ยนไปตามแต่บริษัท ผ่านกระบวนการผลิต เกิดเป็นผลิตภัณฑ์และบริการ ผลิตภัณฑ์และบริการได้โดยเริ่มต้นที่มีการบริโภคโดยสภพแวดล้อม ซึ่งวัสดุเพิ่มทุนและแรงงานเป็นปัจจัยการผลิต


พฤติกรรมขององค์กร
   ความหมายในเชิงพฤติกรรมขององค์กร คือ พฤติกรรม พันธกิจ ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ ซึ่งสิ่งต่างๆเป็นเื่องที่ละเอียดอ่อน ถ้าไม่มีความรับผิดชอบอาจจะส่งผลกระทบต่อกันและกัน มีการปรับให้เกิดความสมดุลโดยใช้ระยะเวลาช่วงหนึ่งในการปรับตัว ซึ่งจะทำให้เกิดความสมดุลระหว่างความขัดแย้งได้
ผลการออกแบบและทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ
 ปัจจัยที่เป็นศูนย์กลางขององค์กรเพพื่อพิจารณาการวางแผนระบบใหม่มีดังต่อไปนี้
    -สภาพแวดล้อมที่องค์กรต้องทำงาน
    -โครงสร้างขององค์กร  ลำดับชั้น ความเชี่ยวชาญ และกระบวนการทางธุรกิจ
    -วัฒนธรรมและการเมืองขององค์กร
    -ประเภทขององค์กรแูปแบบการเป็นผู้นำ
    -กลุ่มประโยชน์หลักที่ได้รับผลกระทบจากระบบและทัศนคติของบุคคลที่จะใช้ระบบ
    -ประเภทของงาน การตัดสินใจและกระบวนการทางธุรกิจ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการ
ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ (SIS)
      หมายถึง ระบบคอมพิวเตอร์ทุกระดับขององค์กรที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป้าหมาย การดำเนินงาน สินค้า บริการ หรือความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมตลาดใหม่ ผู้แทนผลิตภัณฑ์ทดแทนลูกค้าและซัพพลายเออร์
   - ผู้รับตลาดใหม่
   - เศรษฐกิจเสรีที่มีแรงงานฝีมือและทรัพยากรทางการเงินใหม่ๆ บริษัทต่างๆกำลังเข้าสูตลาดอยู่เสมอ ในบางเรื่องอุตสาหกรรมที่นั่นมีอุปสรรคเป็นอย่างมาก
 - สินค้าและบริการทดแทน
-  ในเกือบทุกอุตสาหกรรมทางเทคโนโลยีมีการสร้างทดแทนใหม่อยู่ตลอดเวลา
- ลูกค้า
ยุทธศาสตร์ระบบสารสนเทศเพื่อการติดต่อกับแรงกดดันในการแข่งขัน
-  ต้นทุนตำ่  เป็นผู้นำการใช้ระบบสารสนเทศเพื่อให้เกิดต้นทุนการดำเนินงานต่ำสุดและราคาต่ำสุด
-ผลิตภัณฑ์ความแตกต่างของการใช้ข้อมูล เพื่อเปิดใช้งานผลิตภัณฑ์และบริการใหม่หรือลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก ความสะดวกในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่และการบริการ
-ช่องทางการตลาด ระบบสารสนเทศช่วยให้บริษัทในการวิเคราะห์รูปแบบการซื้อของลูกค้า รสนิยม และความคุ้นเคย เพื่อกาารโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแคมเปญการตลาดไปยังเป้าหมาที่มีขนาดเล็ก-ลูกค้าและซัพพลายเออร์ มีความคุ้นเคยการใช้ระบบข้อมูลเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและความจงรักภักดีกับลูกค้าและซัพพลายเออร์
การจัดการ(Management)
     หมายถึง  กระบวนการทำงานหรือกิจกรรมที่กลุ่มบุคคลในองค์กร ร่วมกันทำงานเพื่อให้บรรลลุวัตถุประสงคค์ตามแนวทางที่กำหนดไว้ 5 ขั้นตอนประกอบด้วย
      1.การวางแผน หรือ Planning หมายถึงการพิจารณากำหนดแนวทางการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย โดยเกิดจากการใช้ดุลพินิจคาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อเป็นแนวทางการทำงานในอนาคต
       2.การจัดการองค์การ หรือ Oranizing หมายถึง การจัดระเบียบหรือโครงสร้างขององค์การ ทำงานภายในองค์กรให้เป็นระบบระเบียบและอยู่ในส่วนประกอบที่เหมาะสม เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์และช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น
       3.การบังคับบัญชาการสั่งการ  หรือ Commanding หมายถึง ภาระหน้าที่ของผู้บริหารในการใช้ความสามารถชักจูงหรือหว่านล้อมผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติงานตามคำสั่ง จนสามารถทำให้องค์กรบรรลุผลสำเร็จได้
       4.การประสานงาน Coordinating หมายถึง การจัดให้ทรัพยากรบุคคลภายในองค์กรทำงานประสานสัมพันธ์สอดคล้องเป็นนำ้หนึ่งใจเดียวกัน เพื่อให้การดำเนินงานราบรื่นและบรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ
        5.การควบคุม หรือ Controling หมายถึง กระบวนการทำงานเริ่มตั้งแต่การกำหนดมาตรฐาน การแก้ไขการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชาตลอดจนการดำเนินงานตามแผน และดารประเมินแผนเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ความสำคัญของการจัดการ
    กระบวนการทำงานหรือการจัดการมีความสำคัญต่อองคืกรธุรกิจ เพราะทุกขั้นตอนมีผลต่อความสำเร็จที่จะทำให้เกิดผลกำไรและช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ นอกจากนี้กระบวนการจัดการยังเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ต้องรู้จักนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ เนื่องจากแต่ละองค์กรมีปัจจัยความสำเร็จที่ต่างกัน
ระดับของผู้บริหาร
       ผู้บริหาร หมายถึง ผู้ที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหรือผู้มีอำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบตามที่กฏหมายกำหนด และผู้บริหารยังแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่
     1.ผู้บริหารระดับสูง หมายถึง ผู้ริเริมก่อตั้งองค์กร หรือประธานกรรมการไปจนถึงกรรมการผู้จัดการ ซึ่งมีหน้าที่กำหนดวัตถุประสงค์ นโยบายและกลยุทธ์เป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินงานโดยรวมขององค์กร
     2.ผู้บริหารระดับกลาง หมายถึง ผู้อำนวยการ หัวหน้าศูนย์ ผู้จัดการแหนก หรือหัวหน้าสายงาน มีหน้าที่ดำเนินงานตามนโยบายและแผนงานที่วางไว้ รวมถึงการประสานงานระหว่างผู้บริหารระดับสูง เพื่อกำหนดนโยบายให้ผู้จัดการระดับล่างได้นำแผนงานไปปฏิบัติ
    3. ผู้บริหารระดับล่าง หมายถึงหัวหน้าแผนกหัวหน้าคนงาน มีหน้าที่ทำตามนโยบายที่ผู้บริหารระดับสูงและผู้บริหารระดับกลางกำนดไว้ รวมทั้งการช่วยเหลือและการแก้ไขปัญหาให้กับทีม สร้างแรงจูงใจและสามารถรับผิดชอบแทนผู้ที่อยู่ในแผนกของตนได้

คุณสมบัติของผู้บริหารที่ดี
  1. มีความรู้ ความสามารถ การใช้สติปัญญานั้น ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้เมื่อมีสติปัญญาดีก็เกิด และเป็นผู้ที่ใฝ่หาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอเป็นการพัฒนาตนเองให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง  สอดคล้องกับการบริหารการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
  2. เป็นผู้มีสังคมดี คำว่าสังคมดีคือจะต้องมีลักษณะของการเป็นผู้นำ ที่มีอารมณ์มั่นคงยิ้มแย้มแจ่มใส มีอัธยาศัยไมตรีต่อเพื่อนร่วมงาน มีวุฒิภาวะ มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความสนใจและใช้กิจกรรมต่าง ๆ อย่างกว้างขวางเป็นผู้ประสานงานที่ดี  เพื่อประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน
   3. เป็นผู้ที่มีแรงกระตุ้นภายใน   คือมีจิตสำนึกเกิดขึ้นในตัวของผู้นำ   เป็นแรงกระตุ้นที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ต่อแรงจูงใจ  เป็นผู้ที่มีศิลปะในการสื่อสารที่จะโน้มน้าว  ให้ผู้ปฏิบัติงานมีความรักมีความเข้าใจ  และปรารถนาที่จะทำงานตรงนั้นให้เกิดความสำเร็จ
   4. เป็นผู้ที่มีทัศนคติที่ดีและมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี   ผู้นำจะต้องตระหนักในคุณค่าและศักดิ์ศรีของตัวเอง ของลูกน้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน มองโลกในแง่ดี ปรารถนาดีกับทุกคน มีความจริงใจในการที่จะทำให้กิจการต่าง ๆ ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย

การตัดสินใจ (Decision Making)
หมายถึง กระบวนการในการเลือกทางเลือกในการปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ เนื่องจากการดำเนินงานภายในองค์กรต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย ในการแก้ไขปัญหานั้นอาจมีวิธีที่เป็นไปได้หลายทาง จึงจำเป็นต้องทำการตัดสินใจเลือกทางเลือกในการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ขององค์กรที่ได้วางไว้ให้มากที่สุด โดยต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ และความผันแปรของตัวแปลต่างๆที่เกี่ยวข้อง
   1.การตัดสินใจระดับกลยุทธ์(Strategic Decision Making)
       2.การตัดสินใจระดับการควบคุมการบริหาร(Management Control Decision Making)
       3.การตัดสินใจระดับปฏิบัติการ(Operational Control Decision Making)
       4.การตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญ(Knowledge-level Decision Making)

กระบวนการตัดสินใจ
   เป็นกระบวนการที่ทำให้ผู้ตัดสินใจสามารถเลือกสรรและค้นหาทางออกให้กับการแก้ปัญหาที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ทั้งนี้เนื่องจากกระบวนการตัดสินใจประกอบด้วยลำดับของขั้นตอนต่างๆ ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้ผลลัพธ์ที่ตามมาเป็นไปตามต้องการหรือใกล้เคียงกับความต้องการ
แบ่งออกเป็น 4 ชั้น
1.การกำหนดปัญหา (Intelligence Phase)  เป็นการรวบรวมข้อเท็จจริง ความคิด และเหตุผลต่างๆ เพื่อใช้ในการตัดสินใจ ผู้บริหารจะต้องมองเห็นว่าเกิดปัญหาอะไรในองค์กรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนนิงานขององค์กรหรือการดำเนินธุรกิจ ซึ่งหากรวบรวมข้อมูลได้ครบถ้วนมากเท่าใด ก็สามารถนำไปกำหนดทางเลือกในการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนและแน่นอนได้มากขึ้น
2.การออกแบบ(Design Phase) เป็นการสร้าง พัฒนา และวิเคราะ์ทางเลือกในการปฏิบัติที่เป็นไปได้ รวมทั้งการทดสอบ และประเมินทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยการสร้างตัวแบบเพื่อการแปลงปัญหาให้อยู่ในรูปแบบเชิงปริมาณ หรือตัวแบบทางคณิตศาสตร์ เพื่ออธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรทั้งหมด การตั้งสมมติฐาน การกำหนดเงื่อนไขแบบตางๆ และทำการทดสอบทางเลือกต่างๆ ี่มีความเป็นไปได้ในการนำใาใช้แก้ไขปัญหา
3.การตัดสินใจเลือกทางเลือก(Choice Phase) เป็นการตัดสินใจเลือกทางเลือกใดทางเลือกหนึงจากทางเลือกทั้งหมด ที่ได้มีการพิจารณาข้อดี ข้อจำกัด ตามหลักเกณฑ์การเลือกที่ได้กำหนดไว้ การตัดสินใจของผู้บริหารอาจเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด หรือทางเลือกที่ได้กำหนดไว้ การตัดสินใจของผู้บริหารอาจเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด หรือทางเลือกที่ได้กำหนดไว้กับสถานการณ์ในขณะนั้น เพื่อที่จะนำไปปฏิบัติซึ่งขึ้นอยู่กับไหวพริบ ประสบการณ์ความเด็ดขาด ความกล้าได้กล่้าเสีย หรือวิสัยทัศน์ของผู้บริหารแต่ละคน
4.การนำไปปฏิบัติ(Implementation Phase)  เป็นขั้นตอนในการนำทางเลือกที่เลือกไว้มาปฏิบัติจริงเพื่อแก้ไขปัยหาที่เกิดขึ้น ผู้บริหารจะต้องกำหนดว่าจะเริ่มดำเนินเมื่อใดและดำเนินการอย่างไร เมื่อนำไปปฏิบัติแล้วต้องมีการประเมินผลของทางเลือกที่นำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาและผลการปฏิบัติเป็นไปตามเป้าหมาย





บทที่ 8 ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ

บทที่ 8 Decision Support System ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ      ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ คือ ระบบที่ช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการ ...